หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศการเริ่มต้นฤดูฝนของประเทศไทย ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 การขับรถในช่วงฤดูฝนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ เนื่องจากถนนที่เปียกลื่น มีน้ำท่วมขัง และทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ทำให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง
เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะนำ ข้อควรปฏิบัติในการเตรียมสภาพรถและหลักการขับรถให้ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ ในช่วงฤดูฝนดังนี้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
สภาพอากาศวันนี้! ทั่วไทยร้อน-มีฝน ไทยตอนบนเตรียมรับมรสุม 22 พ.ค.นี้
พยากรณ์อากาศ 10 วันล่วงหน้า “ฝนตกหนัก” ช่วงปลายเดือน
เตรียมตัวเลย วิธีรับมือพายุฤดูร้อน ลดเสี่ยงอันตราย
เตรียมรถพร้อมขับช่วงฤดูฝน
– ระบบเบรก ตรวจสอบผ้าเบรก จานเบรก และน้ำมันเบรก ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เมื่อเหยียบเบรกต้องหยุดรถได้ในระยะปลอดภัย ไม่มีเสียงดัง และรถไม่ไถลออกนอกเส้นทาง
– กระปุกฉีดน้ำ หัวฉีดน้ำไม่อุดตัน ไม่รั่วซึม เติมน้ำให้อยู่ในระดับที่กำหนด
– ใบปัดน้ำฝน กวาดน้ำได้สะอาด ไม่มีรอยขุ่นมัว และไม่มีเสียงดังขณะใช้งาน รวมถึงเนื้องยางไม่แห้งกรอบ
– ยางรถยนต์ ดอกยางละเอียด ร่องยางลึก ไม่มีรอยปริ แตก บวม และเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2 – 3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำและยึดเกาะถนน
สัญญาณไฟ ไฟส่องสว่างครบทุกดวง ไม่ขุ่นมัว ปรับตั้งไฟให้ส่องสว่างมองเห็นเส้นทางชัดเจน และอยู่ในระดับเดียวกันทั้ง 2 ข้าง
หลักปฏิบัติในการขับรถช่วงฝนตก
– ใช้ความเร็วเหมาะสมกับสภาพถนนและระยะในการมองเส้นทาง จะช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงลดความเร็วเมื่อขับรถผ่านแอ่งน้ำ จะช่วยป้องกันรถเหินน้ำ
– เปิดใช้สัญญาณไฟหน้า กรณีฝนตกท้องฟ้ามืดครึ้ม จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจน และผู้ขับรถคันอื่นมองเห็นรถเราได้จากระยะไกล
– เว้นระยะห่างมากกว่าปกติ หากเกิดเหตุฉุกเฉินบนเส้นทาง จะช่วยให้หยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย
– ให้สัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนช่องทาง ในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร และเมื่อรถคันอื่นอยู่ในระยะไกล จึงค่อยเปลี่ยนช่องทาง รวมถึงไม่ขับแซงรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิด
– หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน เพราะอาจทำให้รถเหินน้ำและควบคุมรถไม่ได้และลื่นไถลออกนอกเส้นทาง
– ปรับระดับความเร็วของที่ปัดน้ำฝน ให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝน รวมถึงฉีดน้ำล้างกระจกทำความสะอาดคราบสกปรก เพื่อลดการเสียดสีของใบบัดน้ำฝนกับกระจกรถ
ทั้งนี้ การเรียนรู้วิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในสถานการณ์ต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางช่วงฤดูฝน